ลางบอกเหตุที่ตัวละครต้องพบเจอ "2.22"



ณ เวลา บ่าย 2 โมง 22 นาที ดีแลน แบรนสัน (มิเคียล ฮิวส์แมน จาก Game of Thrones, The Age of Adaline) มือดีที่สุดของกองควบคุมทางอากาศของสนามบิน JFK นิวยอร์กผู้คลั่งไคล้การจัดรูปแบบทุกอย่างให้กับชีวิต พบแสงประหลาดที่ทำให้เขากลายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะจนเกือบทำให้เครื่องบิน 2 ลำชนกันกลางอากาศ เขาถูกสั่งพักงานทันที จากวันนั้นเขายังคงเห็นเหตุการณ์รูปแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น นักธุรกิจอ่านหนังสือพิมพ์ คู่รักจูบกัน คนท้อง กระจกแตก เสียงเบรก ซึ่งทุกอย่างล้วนนำไปสู่สถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัลทุกบ่าย 2 โมง 22 นาที นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือปริศนาแห่งเวลา 2:22 (ทู ทเวนตี้ ทู)  ขณะเดียวกันเขาเริ่มมีความสัมพันธ์กับสาวสวยที่อยู่ในเครื่องบินที่เกือบตายยกลำในครั้งนั้นอย่าง ซาร่า บาร์ตัน (เทเรซ่า พาล์มเมอร์ จาก Warm Bodies, Lights Out, I am Number Four, Hacksaw Ridge) ซึ่งตกหลุมรักกันและกันตั้งแต่แรกเห็น แต่แล้วการเห็นภาพซ้ำๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดีแลน ต้องใช้พรสวรรค์ที่มีอยู่หาคำตอบจากรูปแบบที่เขาเห็นและดึงตัวเองออกมาให้ได้ก่อนที่ห้วงเวลาแห่งความตายจะมาถึงตัว


มิเคียล ฮิวส์แมน รับบท ดีแลน แบรนสัน

ครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับ ดีแลน แบรนสัน เขาเป็นคนเก็บตัว เขาดูเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าฉีกออกไปจากชีวิตประจำวันเขาเท่าไหร่ เขากลืนไปกับจังหวะชีวิตของเมืองจากอพาร์ตเมนท์ในอีสท์วิลเลจไปจนถึงถนนในแมนฮัตตันสู่ใจกลางสถานีแกรนด์เซ็นทรัล เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งสนามบินเจเอฟเค ระหว่างอยู่ในหอควบคุมจิตใจของ ดีแลน เปี่ยมด้วยสมาธิ ความแม่นยำของเขาไร้ที่ติ จนกระทั่งวันหนึ่ง ณ เวลา บ่าย 2.22  เมื่อจู่ๆเหมือนสติของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนเกือบเป็นต้นเหตุของความหายนะ เขาถูกพักงานนั่นหมายถึงสมาธิของเขาหลุดลอยไปเช่นกัน เขาเหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งได้พบกับ ซาร่า ผู้ที่เขารู้สึกมีความผูกพันธ์กับเธออย่างน่าประหลาดแม้จะรู้จักกันแค่เพียงไม่นาน


นักแสดงหนุ่ม มิเคียล ฮิวส์แมน ผู้รับบท ดีแลน รู้สึกว่า "เมื่อมองในมุมหนึ่ง ชีวิตของ ดีแลน เหมือนควบคุมไม่ได้เพราะเขาต้องเจอกับเรื่องพวกนั้นซึ่งมันเริ่มคุกคามเขาขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกมุมคือเขาไม่เคยรู้สึกว่ามีความกระหายในชีวิตมากเท่านี้มากก่อนตั้งแต่รู้จักกับ ซาร่า เมื่อแพทเทิร์นที่เขาพยายามไขความลับเริ่มเป็นภัยกับเขาขึ้นเรื่อยๆ ดีแลน ตระหนักได้ว่าเขาต้องทำอะไรซักอย่าง เขาต้องนำมันไปก้าวหนึ่งเพื่อให้ ซาร่า และตัวเขาเองปลอดภัย"


สำหรับการเตรียมรับบทเป็น ดีแลน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเรื่อง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ ฮิวส์แมน นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า "หนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากแสดงบทนี้เพราะมันมอบโอกาสให้ผมได้เข้าสู่โลกของตัวละคร ยกตัวอย่างเช่นโลกของการควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ผมขึ้นเครื่องบินเกือบทุกอาทิตย์ ไปทำงานหลายประเทศทั่วโลกแต่ผมไม่เคยรู้เลยว่ามีคนกี่คนอยู่เบื้องหลังเครื่องบินขึ้นลงแต่ละครั้ง" เช่นเดียวกับการฟังวิทยุจราจรทางอากาศ ฮิวส์แมน ใช้เวลากว่าสองวันศึกษาการควบคุมการจราจรทางอากาศ รวมทั้งศึกษาการทำงาน กรอบความคิด และการทำงานร่วมกันเป็นทีม "ในที่สุดผมก็ถึงจุดที่สามารถเข้าใจทุกสิ่งที่ผมพูดในหนัง นั่นเป็นก้าวแรกแห่งการเข้าถึงตัวละคร ทุกเช้าตอนแต่งหน้าผมไล่อ่านหมายเลข เครื่องบิน ซ้ำแล้วซ้ำอีก พอเวลาถ่ายเสร็จผมเหมือนจะฝันเป็นมันเลยเพราะ ดีแลน คงฝันเห็นเลขพวกนี้เหมือนกัน"


เทเรซ่า พาล์มเมอร์ รับบท ซาร่า บาร์ตัน

ทำงานเป็นภัณฑารักษ์ในแกลเลอรีสุดหรูใจกลางแมนฮัตตัน เมื่อเธอได้พบ ดีแลน ที่โชว์บัลเล่ต์พวกเขาตกหลุมรักกันทันที พวกเขาแบ่งปันความรัก รอยแผลในอดีต และความฝันให้กันและกัน เทเรซ่า พาล์มเมอร์ ที่รับบทนี้กล่าวว่า "ซาร่า เป็นคนซับซ้อน ชอบเก็บตัว เธอกำลังผ่านช่างชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก เธอโตมาในโลกของศิลปะแต่เธอฝันอยากจะเป็นนักเต้นมาตลอด เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่เธอวาดฝันไว้ซึ่งนั่นเป็นบ่อเกิดแห่งอารมณ์ที่ซับซ้อน เมื่อเธอได้พบกับ ดีแลน มันเหมือนว่าเขาคือชิ้นส่วนที่หายไปในตัวเธอ คุณอาจจะพบคนที่เข้ากันกับคุณขนาดนี้ได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต"


ซาร่า ทำให้ชีวิตของ ดีแลน กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่พบกับประสบการณ์ร้ายๆ ที่ทำให้เขาต้องถูกพักงาน ไม่นานความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุของเขาเริ่มที่จะหลอกหลอนพวกเขาด้วยพลังบางอย่าง มันเหมือนกับว่าวิญญาณของพวกเขาเคยพบกันมาก่อน มิเคียล ฮิวส์แมน กล่าวถึงการเล่นเป็นคู่รักบนจอ "เมื่อ เทเรซ่า กับผมลองวิเคราะห์ดูมันพบว่ามันมีซีนที่จะปูความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่าง ดีแลน และ ซาร่า อยู่แค่ห้าหกฉากเท่านั้น หลังจากนั้นทุกสิ่งเหมือนเริ่มพินาศ เรารู้สึกว่าภายในห้าหกซีนเรานั้นเราต้องแสดงความรัก ความผูกพัน ความหลงใหลของทั้งคู่ออกมา และเรารู้ว่าวิธีที่ดีสุดคือแสดงสิ่งที่ลึกซึ้งว่าที่หน้ากระดาษเขียนไว้ออกมาซึ่งบ้างครั้งมันเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องพยายามอะไร"


Go to TOP