"ในดวงใจนิรันดร์" แด่ความคิดถึงที่ไม่เคยหยุดพัก
 

แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้ว เชื่อว่าในหัวใจของคนไทยทุกคนยังคงรักและคิดถึง "ในหลวง" พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งแผ่นดินไทย อยู่เสมอทุกเชื่อวัน ด้วยความอาลัยและจงรักภักดีต่อพระองค์ ที่คุ้มครองดูแลคนไทยมายาวนาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงอย่างหาที่สุดไม่ได้

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 (พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระนามในรัชสมัยนั้น) มีพระชนมพรรษา 18 พรรษา รัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 จนเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณขัตติยราชประเพณี ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระมหาราชวัง เฉลิมพระปรมาภิไธยตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร"


และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม" นับตั้งแต่นั้นพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่ทรงงานหนักตลอดระยะเวลาที่ขึ้นครองราชย์ ทั้งเสด็จเดินทางไปยังถิ่นทุรกันดาน เพื่อออกเยี่ยมดูชีวิต ความเป็นอยู่ของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ซึ่งนับเป็นบุญใหญ่หลวงนักของพสกนิกรในยุคสมัยนั้นที่ได้เข้าเฝ้า พระองค์อย่างใกล้ชิด จนกลายเป็นภาพชินตาเพราะทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปยังถิ่นฐานเมืองใดก็ตาม พระองค์ทั้งสองจะทรงนั่งลงพูดคุยถามไถ่ปัญหา ของพสกนิกรอย่างใกล้ชิด โดยไม่ทรงถือพระองค์ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่ได้มีเพียง รูปถ่ายช่วยเป็นประจักษ์พยานถึงข้อเท็จจริงนี้เท่านั้น ยังมีเรื่องเล่าของพสกนิกรที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ ได้บอกเล่าความประทับใจที่มีต่อพระองค์ทั้งสอง สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น



ดังเช่นเรื่องของ "ยายเล็ก เปล่งเสียง" อายุ 90 ปี ที่เคยเข้าเฝ้ารับเสด็จ เมื่อครั้งที่ในหลวง เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณสถานในเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งขณะนั้นคุณย่าทวดเล็ก ได้นำน้ำฝนลอยดอกมะลิ มาตั้งไว้เพื่อข้าราชบริพารที่เสด็จตามพระองค์จะได้ดื่มกิน แต่เมื่อในหลวงเสด็จผ่าน ทรงตรัสถามคุณย่าทวดเล็กว่า "ยายจ๋า ฉันขอดื่มน้ำในถังสักแก้วได้ไหม" คุณย่าทวดเล็ก ได้ยินดังนั้นจึงทูลตอบว่า "ฉันไม่กล้าให้ในหลวงกินหรอก เพราะมันเป็นน้ำฝนและเป็นน้ำธรรมดาด้วย" ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม) ก่อนทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า "ปกติฉันก็กินน้ำธรรมดา อย่างนี้นี่แหละย่า" ทั้งยังตรัสหลังทรงเสวยน้ำฝนจากในถังด้วยว่า "น้ำฝนเย็นสดชื่นดี และยังมีกลิ่นหอมมะลิอีกด้วย"



นอกเหนือจากการเสด็จเยี่ยมเยียนประชาราษฎร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังทรงมีพระราชกรณีกิจสำคัญในแขนงต่างๆ มากมาย เพื่อบรรเทาทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกรขณะนั้นจนถึงในระยะยาวด้วย ดังเช่น โครงการแก้มลิง เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย,  โครงการฝนหลวง แก้ปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค, กังหันชัยพัฒนา แก้ไขปัญหาน้ำเสีย ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญทั้งในประเทศไทยและอีกนานาประเทศ ในเรื่องปรัชญา เศรษฐกิจ "พอเพียง" หรือ "แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่" ที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิต เพื่อใช้ประโยชน์ สูงสุดได้จากพื้นที่ที่มีอยู่ นำมาซึ่งผลผลิตที่เพียงพอต่อการกินใช้ในครัวเรือน และออกจำหน่ายเพื่อหารายได้มาเลี้ยงชีพต่อไป


นี่เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ยังคงตราตรึงในหัวใจคนไทยทั่วทั้งประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมปวงชนชาวไทย จึงรักและทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เสมอมา ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระองค์ทรงครองราชสมบัติ จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 นับจนตอนนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังคงอยู่ในดวงใจปวงชนชาวไทยนิรันดร์

Go to TOP