Mahabharat/มหาภารตะ ชุดที่ 5 (4 Disc) (พากษ์ไทยเท่านั้น) | BoomerangShop.com - Thailand Online Blu-Ray, DVD, CD Store

Browse

Newsletter

Keep up-to-date with new releases and great offers

Mahabharat/มหาภารตะ ชุดที่ 5 (4 Disc) (พากษ์ไทยเท่านั้น)

Format: DVD (Vanilla)
UPC: 8859125403294
Product Status
Shipping & Pickup
Checking stock...
  • SRP (Baht) : 499.00
  • Our Price (Baht) : 399.00
Click to see shopping cart
details or checkout.
  • Release Date : 21/01/2016
  • Genres : Drama
  • Aspect Ratio : 16x9
  • Language : Thai
  • Number of discs : 4
  • Package : DVD Boxset
  • Rated : 15+
  • Credits Trailer
    • Actors : Erica Alexander, Urs Bihler, Ryszard Cieslak, Georges Corraface, Jean-Paul Denizon
    • Directors : Peter Brook
    • Studio : Image Entertainment
    • Run Time : 884 Mins.
    • Synopsis :
      มหากาพย์เรื่องยาวที่มีชื่อเสียงของอินเดียโบราณเคียงคู่มากับมหากาพย์รามายณะ หรือรามเกียรติ์บ้านเรานั้นเอง มหากาพย์สองเรื่องนี้เป็นไม่ใช่วรรณกรรมทั่วๆไปแต่จัดเป็นคัมภรีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูเลยทีเดียว กล่าวกันว่าใครอ่านคำภีร์สองเล่มนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ล้างบาปได้!! สำหรับคนไทยแล้วอาจมีความคุ้นเคยกับเรื่องมหาภารตะน้อยกว่ารามเกียรติ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว 2 เรื่องยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เนื้อเรื่องว่าด้วยสงครามระหว่างพี่น้องวงศ์กษัตริย์เลือดเนื้อเชื้อไขบรรพบุรุษเดียวกันคือ พวกปาณฑพ(ปาน-ดบ) และ พวกเการพ(เกา-รบ) ปมแห่งความขัดแย้งได้ก่อตัวตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กเล็กถึงโตเป็นกษัตริย์ปกบ้านครองเมือง ต้นเหตุหลักๆของเรื่องก็ไม่พ้นเรื่องคลาสสิคแห่งการเกิดสงครามทั่วๆไปคือ ความขัดแย้งเชิง ความริษยา การชิงดีชิงเด่น ผลประโยชน์ ผู้หญิง การพนัน การคดโกง!! ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องก็ได้ชี้ให้เห็นว่า ญาติผู้ใหญ่พยายามหาทางออกทุกทางเพื่อให้ความขัดแย้งได้คลี่คลาย แต่ก็ล้มเหลว เนื่องจากความขัดแย้ง สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลข้ออ้าง ที่ยากจะกล่าวได้ว่าฝ่ายใดผิดถูกไปกว่ากัน พวกบรรดาญาติสนิทมิตรสหายประชาชนก็แตกแยกกันเข้าข้างใดข้างหนึ่ง แล้วสถานการณ์ได้ยืดเยื้อมาจนถึงจุดที่มิอาจกระทำการประณีประนอมสมานฉันท์อะไรกันได้อีก สงครามเท่านั้น คือทางออก!! สองฝ่ายก็ได้รบพุ่งประจัญบานกันที่ทุ่งกุรุเกษตร เป็นเวลาถึง 18 วันท้ายที่สุดสงครามยุติ ฝ่ายปาณฑพเป็นฝ่าย ชนะ


       REVIEW 

      ''Mahabharat / มหาภารตะ'' ชุดที่ 5


             เรื่องราวของ ''มหาภารตะชุดที่ 5'' เป็นชุดสำคัญและรวบรวมเรื่องราวสำคัญไว้อัดแน่น เรื่องราวในชุดที่5 มีหลายตอนหลักๆ ช่วงต้นมีชื่อเรียกว่า วนตอน อันเป็นเรื่องราวของการใช้ชีวิตในป่าของพวกปาณฑพหลังจากแพ้พนันสกาต่อพวกเการพ ดำเนินเรื่องต่อจากชุดที่ 4 และว่ากันว่าเป็นตอนที่มีความยาวที่สุด พิสดารด้วยรายละเอียดแทรกตำนานต่างๆ ไว้มากมายนั้น เริ่มจากพวกปาณฑพต้องลี้ภัยไปอยู่ท่ามกลางความเสียหายของประชาชนที่นิยมชื่นชอบ ในระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปลี้ภัยในป่า ท้าววิฑูรพยายามอย่างหนักให้ท้าวธฤตราษฎร์ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวและให้เรียกตัวกลับมาแต่ไม่เป็นผลเมื่อพวกปาณฑพไปอาศัยอยู่ในป่ามีพรรคพวกไปเยี่ยมกันไม่ขาดโดยเฉพาะกฤษณะเองก็ไปเยี่ยมพวกปาณฑพถึงในป่าด้วย พร้อมกับกระตุ้นปลุกใจให้พวกปาณฑพทำสงครามเพื่อยุติข้อขัดแย้งกับพวกเการพข้อเสนอของกฤษณะได้รับการสนับสนุนจากพระนางเทราปตีและภีมะ แต่ยุธิษฐิระปฏิเสธและยืนยันขอทำตามสัญญาที่ให้เอาไว้


                  
      วันหนึ่งมีฤาษีชื่อ พฤหัสทัศวะ ได้มาเยี่ยมและได้ถือโอกาสเล่าเรื่อง พระนลกับพระนางทมยันตีให้ฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้อดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตำนานความรักระหว่างพระนลกับทมยันตีนั้นเป็นเรื่องราวของความรัก ซึ่งพระนลต้องได้รับความยากลำบากเพราะมีนิสัยชอบเล่นการพนันทอดสกาเหมือนกับยุธิษฐิระ โดยมีนางทมยันตีคอยให้ความช่วยเหลือเป็นกำลังใจและอดทนก่อนที่เรื่องจะจบลงด้วยดีในตอนท้าย
      ในระหว่างที่อยู่ในป่า พวกปาณฑพได้มีโอกาสไปเยี่ยมสถานที่อันเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอดีตเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากบรรดาผู้บำเพ็ญพรตในป่าหลายต่อหลายเรื่อง รวมทั้งที่ต้องเผชิญกับการคุกคามของพวกอสูรในป่าหลายต่อหลายครั้ง แต่ภีมะก็อาศัยพละกำลังแก้ไขสถานการณ์ได้ตามลำดับ ทางด้านอรชุนเมื่อจบการเดินทางอันยาวนานก็เดินทางกลับมาสมทบกับพี่น้องปาณฑพอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้อาวุธวิเศษไว้ในครอบครองเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้พวกปานฑพยังได้มีโอกาสไปพำนักในสวนของท้าวกุเวรเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานถึงสี่ปีเต็ม ก่อนจะเดินทางกลับมาพำนักอยู่ในป่าแต่เดิมที่เคยอาศัยอยู่ และที่นั่นพวกปาณฑพยังได้ฟังเรื่องราวตำนานในอดีตที่มีคติสอนใจในเรื่องต่างๆ จากพวกฤาษีนักพรต ซึ่งแต่ละคนก็มีความกระตือรือร้นที่จะสอนพวกปาณฑพการใช้ชีวิตในป่าสำหรับพวกปาณฑพก็ไม่ต่างจากการได้ฝึกอบรมบ่มเพาะจิตใจของตัวเองพร้อมกับได้เรียนรู้เรื่องที่จำเป็นที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดีในอนาคตไปพร้อมๆกันด้วย ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมความพร้อมที่สำคัญมาก ในช่วงเวลาสิบสองปีของการอยู่ในป่าของพวกปาณฑพและพระนางเทราปที จะมีเรื่องเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และครั้งหนึ่งท้าวชยัทรัถพระราชาแห่งแคว้นสินธุได้มาลักพาตัวพระนางเทราปทีไป เดือดร้อนให้พวกปาณฑพต้องไปช่วยเหลือนำตัวกลับคืนมา 
       

      ไม่ต่างจากตำนานของพระรามกับนางสีดาในมหากาพย์รามารณะ พร้อมกันนั้นฤาษีที่อาศัยร่วมกันในป่ายังได้เล่าถึงตำนานของพระนางสาวิตรีซึ่งมีความมั่นคงในความรักต่อสามีคือท้าวสัตยถาวร ถึงขั้นสามารถดึงรั้งชีวิตของท้าวสัตยวารกลับจากเงื้อมมือของพญายมได้เป็นผลสำเร็จและเรื่องราว ที่รู้จักกันในชื่อว่า วิราฏตอน เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในอาณาจักรแคว้นมัสยะของท้าววิราฎ จึงทำให้เรียกเรืองราวตามชื่อของพระราชาคนสำคัญคนนี้โดยเรื่องดำเนินต่อจาการลี้ภัยในป่าในวนตอนว่า ในที่สุดการลี้ภัยในป่าเป็นเวลาสิบสองปีก็ครบกำหนด แต่ว่าตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ พวกปาณฑพจะต้องซ่อนตัวไม่ให้ใครจำได้อีกเป็นเวลาสิบสองเดือนถึงจะถือว่าทำครบถ้วนตามสัญญาพวกปาณพพเดินทางออกจากป่ามุ่งไปยังแคว้นมัสยะ แต่ก่อนจะถึงแคว้นมัสยะ ทั้งหมดได้เก็บซ่อนอาวุธไว้ในสุสานนอกเมือง

       
       และเข้าไปในแคว้นมัสยะเพื่อทำงานในราชสำนักของท้าววิราฎ ดดยยุธิษญิระทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของท้าววิราฎ ภีมะเป็นคนทำครัว อรชุนเป็นครูสอนเต้นระบำ ส่วนกุลไปเป็นคนเลี้ยงม้า ในขณะที่สหเทพเป็นคนเลี้ยงวัว สำหรับพระนางเทราปทีไปเป็นนางกำนัลให้กับพระมเหสีของท้าววิราฎ





              
      ในระหว่างที่อยู่ในราชสำนักเกิดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เมื่อน้องชายของพระมเหสีท้าววิราฎมาล่วงเกินพระนางเทราปที เดือดร้อนถึงภีมะซึ่งเป็นนักมวยปล้ำต้องเข้ามาช่วยสังหารน้องชายของพระมเหสีท้าววิราฎตายไป แต่ถึงกระนั้น การปลอมตัวของพวกปาณฑพในราชสำนักแคว้นมัสยะก็ยังไม่เป็นที่รู้กัน จนกระทั่งเกิดสงครามระหว่างแคว้นมัสยะกับแคว้นกุรุ พวกพี่น้องปาณฑพได้เข้าร่วมรบทำสงครามจนมีชัยชนะต่อกองทัพจากแคว้นตรีครรตะและแคว้นกุรุ ซึ่งมีทุรโยธนพี่ชายคนโตของพี่น้องเการพนำทัพมาด้วยตนเอง เหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้พวกปาณฑพต้องเปิดเผยตัวเอง เพราะเข้าร่วมทำสงคราม และบังเอิญว่าเกิดขึ้นในช่วงเกือบจะสิ้นปีที่สิบสามอันเป็นปีสุดท้ายของการซ่อนตัวอย่างยาวนาน ทำให้เกิดปมประเด็นปัญหาว่าได้ทำตามสัญญาครบถ้วนหรือเปล่า

       
      แต่การเปิดเผยตัวของพวกปาณฑพ ก็ทำให้ท้าววิราฎยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้คบหากับพวกปาณพพ นอกเหนือจากมีส่วนร่วมช่วยรบจนสามารถป้องกันจากการโจมตีของข้าศึกได้ ถึงขนาดยกลูกสาวคือ เจ้าหญิงอุตตะระ ให้แต่งงานกับเจ้าชายอภิมันยุซึ่งเป็นลูกชายของอรชุนด้วย

       
       และเรื่องราว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า อุโทยคตอน อันมีความหมายว่าเป็นความพยายามที่จะมิให้พวกปาณฑพกับพวกเการพต้องทำสงครามกัน โดยดำเนินเรื่องต่อจากการเปิดเผยตัวของพวกปาณฑพทั้งๆที่ยังไม่ครบเวลาหนึ่งปีในช่วงซ่อนตัวปีที่สิบสาม ซึ่งถ้าหากทำตามสัญญาได้ครบก็สามารถเข้าไปครอบครองอาณาจักรแต่เดิมที่ยกให้ทุรโยธน์ไปได้ แต่ทางทุรโยธน์บอกว่าไม่ได้ทำตามสัญญา เพราะฉะนั้นพวกปาณฑพจะต้องลี้ภัยในป่าต่อไปอีกสิบสามปีเหมือนกับเริ่มนับหนึ่งใหม่ เรื่องนี้ไม่สามรถหาข้อยุติได้ต้องตัดสินด้วยการทำสงคราม

       
      ในขณะที่ความพยายามจะหาทางตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามดำเนินไปนั้น ต่างฝ่ายต่างก็พยายามก่อตั้งพันธมิตรเพื่อเตรียมทำสงครามใหญ่ กฤษณะเองได้รับการติดต่อจากสองฝ่ายเพื่อให้ร่วมกับฝ่ายตนและตกลงยกกองทหารของตนให้กับทุรโยธน์ไป ในขณะที่ตกลงให้คำแนะนำทำหน้าที่ปรึกษาและให้การสนับสนุนฝ่ายปาณฑพตามคำขอของอรชุน 

         
      ท้าวศัลยะเข้าร่วมรบกับฝ่ายเการพ แม้จะมีฐานะเป็นลุงของฝ่ายปาณฑพโดยทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับกรรณะ แต่ท้าวศัลยะก็รับปากกับยุธิษฐิระว่าแม้จะต้องทำหน้าที่เป็นสารถีบังคับรถม้าศึกให้กรรณะ แต่ก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อมืให้กรรณะได้เปรียบในการทำศึกในระหว่างการเจรจาเพื่อหาทางยุติสงคราม ทุรโยธน์ปฏิเสธที่จะทำข้อตกลงสันติภาพ แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสไม่ว่าจะเป็นท้าวธฤตราษฎร์ ผู้เป็นบิดาและพระนางคานธีผู้เป็นมารดาจะขอร้องก็ตามที ส่วนกฤษณะเองก็ใช้ความพยายามอย่างหนัก เพื่อชักชวนให้กรรณะมาอยู่ข้างฝ่ายปาณฑพเช่นเดียวกับพระนางกุนตีก็ยอมเปิดเผยตัวในระหว่างไปพบเป็นการส่วนตัวกับกรรณะ ว่าเป็นแม่ที่ให้กำเนิดเพื่อขอให้กรรณะย้ายข้างมาอยู่กับฝ่ายปาณฑพแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ กรรณะตัดสินใจอยู่กับฝ่ายเการพเพื่อย้ำมิตรภาพระหว่างตนกับทุรโยธน์ แม้จะรู้ความลับชาติกำเนิดแล้วว่าตนเองเป็นลูกพระอาทิตย์กับพระนางกุนตีก็ตามที
      เมื่อถึงเวลากองทหารฝ่ายเการพและปาณฑพก็เดินทางเข้าสู่สมรภูมิรบที่ทุ่งกุรุเกษตร ทางฝ่ายปาณฑพมีธฤตทยุมน์เป็นผู้บัญชาการรบ ส่วนท้าวภีษมะรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการรบฝ่ายเการพถ้าหากสรุปรวมความแล้วก็ต้องถือว่าเรื่องราวที่ดำเนินมาตั้งแต่ชุดที่ 1 ถึงชุดที่ 5 นั้นเป็นการปูพื้นฐานให้คนอ่านได้เข้าใจว่า ทำไมพวกเการพกับพวกปาณฑพถึงต้องทำสงคราม และถ้าหากไม่ได้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นและเข้าใจว่ามหากาพย์มหาภารตะเป็นเรื่องการทำสงครามของพี่น้องเการพและปาณฑพเท่านั้น ก็ต้องถือว่าพลาดในสาระสำคัญของมหากาพย์เรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเรื่องการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์หรือแม้แต่จะเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างธรรมกับอธรรมก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน เพราะมีตำนาน พงศาวดารหรือมหากาพย์เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะของอินเดียที่บรรยายการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ที่ต้องยุติด้วยการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้เมื่อพิจารณาสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2   ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสรต์มนุษยชาติในคริสต์ศตวรรษที่ 20 แท้ที่จริงก็เป็นเรื่องซ้ำรอยเดิมกับสงครามที่ทุ่งกุรุในมหากาพย์มหาภารตะที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้าประมาณสามสี่พันปี ในระหว่างนั้น ยุธิษฐิระได้แสดงความวิตกกังวลถึงความร้ายกาจของกรรณะเพราะรู้ว่ากรรณะได้รับของประทานจากเทพพระอาทิตย์โดยไม่มีใครสามารถทำลายชีวิตได้ ทำให้พระอินทร์ซึ่งได้รับคำแนะนำจากพราหมณ์ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ โดยที่กรรณะได้รับคำเตือนจากเทพพระอาทิตย์ไว้ก่อนแล้ว ว่าพระอินทร์ปลอมตัวไปขอเสื้อเกราะและต่างหูที่เป็นอุปกรณ์รักษาชีวิตจากกรรณะ ทำให้กรรณะต้องคิดหนักในเรื่องนี้ ติดตามความเข้มข้นที่มาถึงจุดแตกหักกันถึงที่สุดแห่งมหากาพย์ได้ใน ''มหาภารตะ ชุดที่ 5''

                     และคอยติดตาม กับเรื่องราวการต่อสู้ มหาสงครามบนทุ่งกุรุเกษตรของเหล่าปานฑพ เการพ ได้ใน ''มหาภารตะ ชุดที่ 6''




Go to TOP