Mahabharat/มหาภารตะ ชุดที่ 1 (2Disc) (DVD Vanilla) (หนังซอง)
- SRP (Baht) : 259.00
- Our Price (Baht) : 189.00
details or checkout.
- Release Date : 10/03/2016
- Genres : Drama, Indian, Series
- Aspect Ratio : 16:9
- Language : Thai Dolby Digital 5.1
- Number of discs : 2
- Package : DVD Vanilla
- Rated : 15+
- Credits Trailer
-
- Actors : Erica Alexander, Urs Bihler, Ryszard Cieslak, Georges Corraface, Jean-Paul Denizon
- Directors : Peter Brook
- Studio : Image Entertainment
-
Synopsis :
มหากาพย์เรื่องยาวที่มีชื่อเสียงของอินเดียโบราณเคียงคู่มากับมหากาพย์รามายณะ หรือรามเกียรติ์บ้านเรานั้นเอง มหากาพย์สองเรื่องนี้เป็นไม่ใช่วรรณกรรมทั่วๆไปแต่จัดเป็นคัมภรีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูเลยทีเดียว กล่าวกันว่าใครอ่านคำภีร์สองเล่มนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ล้างบาปได้!! สำหรับคนไทยแล้วอาจมีความคุ้นเคยกับเรื่องมหาภารตะน้อยกว่ารามเกียรติ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว 2 เรื่องยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เนื้อเรื่องว่าด้วยสงครามระหว่างพี่น้องวงศ์กษัตริย์เลือดเนื้อเชื้อไขบรรพบุรุษเดียวกันคือ พวกปาณฑพ(ปาน-ดบ) และ พวกเการพ(เกา-รบ) ปมแห่งความขัดแย้งได้ก่อตัวตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กเล็กถึงโตเป็นกษัตริย์ปกบ้านครองเมือง ต้นเหตุหลักๆของเรื่องก็ไม่พ้นเรื่องคลาสสิคแห่งการเกิดสงครามทั่วๆไปคือ ความขัดแย้งเชิง ความริษยา การชิงดีชิงเด่น ผลประโยชน์ ผู้หญิง การพนัน การคดโกง!! ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องก็ได้ชี้ให้เห็นว่า ญาติผู้ใหญ่พยายามหาทางออกทุกทางเพื่อให้ความขัดแย้งได้คลี่คลาย แต่ก็ล้มเหลว เนื่องจากความขัดแย้ง สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลข้ออ้าง ที่ยากจะกล่าวได้ว่าฝ่ายใดผิดถูกไปกว่ากัน พวกบรรดาญาติสนิทมิตรสหายประชาชนก็แตกแยกกันเข้าข้างใดข้างหนึ่ง แล้วสถานการณ์ได้ยืดเยื้อมาจนถึงจุดที่มิอาจกระทำการประณีประนอมสมานฉันท์อะไรกันได้อีก สงครามเท่านั้น คือทางออก!! สองฝ่ายก็ได้รบพุ่งประจัญบานกันที่ทุ่งกุรุเกษตร เป็นเวลาถึง 18 วันท้ายที่สุดสงครามยุติ ฝ่ายปาณฑพเป็นฝ่าย ชนะ
---------------------------------------------------------REVIEW''Mahabharat / มหาภารตะ'' ชุดที่ 1เรื่องราวของมหาภารตะชุดที่ 1 จุดเริ่มต้นก่อเกิดเรื่องราวจนเป็นมหากาพย์ตำนานอันยิ่งใหญ่ ''มหาภารตะ'' ในมหาภารตะชุดที่ 1 เป็นการเปิดตำนานเล่าเรื่องโดยเริ่มต้นจากการลำดับวงศ์กษัตริย์แห่งราชวงศ์กุรุโดยตำนานเริ่มจากพระราชาชื่อ ท้าวศานตนุแห่งราชวงศ์กุรุเป็นสำคัญ ท้าวศานตนุแต่งงานกับเจ้าแม่คงคามีลูกชายด้วยกัน ชื่อ ภีษมะต่อมาท้าวศานตนุแต่งงานใหม่กับลูกสาวชาวประมงชื่อ สัตยวดี มีลูกชายด้วยกันสองคนคือ จิตรางคทะ กับวิจิตรวีรยะ ลูกชายของท้าวศานตนุที่เกิดจากนางสัตยวดี เพราะความโลภของสัตยวดีและการเสียสละของภีษมะ และศานตนุ ต่างฝ่ายต่างก่อให้เกิดคำสัตย์สาบานที่น่าเกรงกลัวขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เรื่องราวยังคงดำเนินต่อมาอีก25ปี จนถึงยุคของเจ้าชายแห่งหัสตินาปุระ,วิจิตรวีรยะที่มีแต่ความอ่อนแอและไม่เอาไหน เพราะยึดติดกับคำสาบาน ภีษมะต้องคอยช่วยเหลือเขาอยู่ร่ำไป สัตยวดีด้วยสัญชาตญาณของมารดา เข้าข้างบุตรของตนและเตือนภีษมะว่าวิจิตรวีรยะคือความรับผิดชอบของเขา พอถึงวัยเติบโต ความปรารถนาของสัตยวดีและคำสัตย์ของภีษมะ,นำมาซึ่งผลหลายอย่าง เพื่อการอภิเษกสมรสของเจ้าชายที่อ่อนแอเช่นวิจิตรวีรยะ สัตยวดีสั่งให้ภีษมะเดินทางไปสู่ขอบุตรสาวทั้ง3ของกษัตริย์แคว้นกาสี ภีษมะได้ทำให้เกิดเรื่องที่มิได้เจตนาและมิอาจรู้ว่าได้ทำลายความรักของอัมพาและมหาราชย์ศาลวะความอับอายนี้ทำให้นางโกรธแค้นและนำไปสู่การต่อสู้กันระหว่างปรศุรามและภีษมะ อาจารย์และศิษย์ จนมหาเทพได้ปรากฎกายขึ้นและยุติการต่อสู้ในครั้งนี้ อัมพาผู้ที่ตกอยู่ในความเจ็บปวดภาวนาและวิงวอนต่อองค์มหาเทพศิวะ มหาเทพตอบเพียงว่าหลังจากยี่สิบห้าปี,นางจึงจะได้รับความช่วยเหลือ นางจึงบูชายัญตัวเองเป็นการตอบโต้ต่อมา วิจิตรวีรยะตายไปโดยไม่มีลูกสืบวงศ์ต่อ ในขณะที่ภีษมะเองก็ถือคำสัตย์สาบานจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ทำให้พระนางสัตยวดีต้องไปขอร้องให้วยาสซึ่งเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดกับฤาษีปราศร ตั้งแต่ยังไม่ได้กับท้าวศานตนุ ซึ่งบวชเป็นฤาษีให้มาช่วยเป็นต้นเชื้อเพื่อมิให้สิ้นราชวงศ์ ฤาษีวยาสซึ่งมีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดและสกปรกรกรุงรังยอมตกลงมามีความสัมพันธ์กับเมียหม้ายของวิจิตรวีรยะทั้งสองคน คนแรกตอนมีความสัมพันธ์กันนั้นนอนหลับตาด้วยความขยะแขยงลูกที่ออกมาจึงตาบอดและมีชื่อว่า ธฤตราษฎร์ ส่วนคนที่สองตอนมีความสัมพันธ์กัน แม้ไม่ได้หลับตาแต่ก็กลัวจนเนื้อตัวซีดขาวไปหมด ลูกที่ออกมาจึงไม่แข็งแรงและมีเนื้อตัวซีดขาวตามไปด้วย เด็กคนนี้มีชื่อว่า ปาณฑุฤาษีวยาสยังไปมีความสัมพันธ์กับคนรับใช้ในราชสำนัก แบบเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้อีกคน สำหรับรายนี้ซึ่งมีความสัมพันธ์กันปกติและไม่ได้รังเกียจอะไรลูกที่ออกมาจึงเป็นปกติมีชื่อว่า วิฑูรเมื่อลูกชายสามคนของฤาษีวยาสโตขึ้น เจ้าชายปาณฑุขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาแคว้นกุรุเมื่อถึงวัยอันควร ตามลำดับ ต้องเป็นธฤตราษฎร์ลูกคนโต แต่ด้วยความเหมาะสม เนื่องจากธฤตราษฎร์ตาบอด บัลลังก์จึงตกแก่น้องชาย เป็นเหตุให้มีการผิดใจกันอยู่กลายๆภีษมะซึ่งทำหน้าที่อภิบาลร่วมกับพระนางสัตยวดีได้จัดการให้หลานชายทั้งสองคนแต่งงาน เจ้าชายคนที่ตาบอดแต่งงานกับเจ้าหญิงคานธารี คานธารีเมื่อเห็นว่าพระสวามีตาบอดจึงปิดตาเพื่อจะได้เข้าใจในความทุกข์ของสวามีโดยให้สัตจะว่าจะไม่เปิดผ้าปิดตาออกอีกตลอดไปและมีลูกด้วยกัน 100 คน ลูกชายคนโตชื่อ ทุรโยธน์ ส่วนเจ้าชายปาณฑุมีเมียสองคน เมียคนแรกชื่อ กุนตี ซึ่งก่อนจะมาแต่งงานด้วยความไม่รู้ หลังจากได้พรในการขอบุตรจากเทพทำให้นางได้ขอบุตรจากเทพพระอาทิตย์ชื่อว่า กรรณะ การเชิญเทพของนางในครั้งนี้เกิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ทันได้นึกถึงผลที่ตามมา เลยทำให้ต้องทิ้งลูกชายไปเพราะเป็นบุตรที่เกิดโดยที่นางยังไม่มีสวามี แล้วมาแต่งงานกับเจ้าชายปาณฑุส่วนเมียคนที่สองชื่อ มัทรี แต่ก็เกิดเหตุแห่งคำสาปแช่งทำให้ไม่สามารถมีบุตร จึงสละราชย์ไปอยู่ในป่าและได้ขอลูกจากเหล่าเทพด้วยพรของกุนตีมีลูกด้วยกันสามคน คือ ยุธิษฐิระ เป็นลูกที่เกิดจากธรรมเทพ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม ภีมะเป็นลูกที่เกิดจากเทพวายุ อรชุนเป็นลูกที่เกิดจากพระอินทร์ ส่วน มัทรี นั้นได้ขอให้กุนตีให้พรนั้นแก่ตนบ้างจึงได้มีลูกแฝดชื่อ นุกุล กับ สหเทพ เกิดจาก เทพแฝดคือ เทพอัศวินแต่แล้วเจ้าชายปานฑุพระชนมายุไม่ยืนสิ้นพระชนม์ไปก่อนเวลาอันควร ทำให้ราชสมบัติที่ได้ตกเป็นของพี่ชายคือเจ้าชายธฤตราษฎร์ไปและเคยมีข้อตกลงเป็นนัยว่าจะส่งมอบราชสมบัติให้กับลูกของเจ้าชายปาณฑุกลับคืนไปเมื่อถึงเวลาอันควรด้วยเหตุนี้ลูกทั้งห้าของพระราชาปาณฑุและลูกทั้งร้อยของพระราชาธฤตราษฎร์จึงได้รับการเลี้ยงดูภายในราชสำนักกรุงหัสตินาปุระแบบโตมาด้วยกันแต่น่าเสียดายว่าได้เกิดความบาดหมางระหว่างลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเรื่องในอนาคตว่าฝ่ายใดจะได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ ลูกของท้าวปาณฑุหรือว่าลูกของท้าวธฤตราษฎร์เป็นสำคัญ. . . .ยังมีเรื่องราวรายละเอียดอีกมากมายที่ทำให้เกิดเหตุการณ์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่และน่าติดตามนี้ได้ใน ''มหาภารตะชุดที่ 1''-------------------------------------------------------และคอยติดตาม กับเรื่องราวความเข้มข้น ความรัก การต่อสู้ของเหล่าเจ้าชาย ต่อเนื่องได้ใน ''มหาภารตะ ชุดที่ 2''